บองหลาไฟ
.
งูบองหลา
ศาสตร์ความเชื่อกับอภิมหาปรัชญาโบราณ
.
บองหลาไฟ คือพยนต์
ที่มีความรุนแรงไม่แพ้พญานาค
(เหมือนพญานาค คุมพิภพ)
.
อยู่ในรูปลักษณ์ของงู
งูบองหลา คือ
งูจงอางขนาดใหญ่ ของภาคใต้
งูจงอางถือเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์
ที่มีวิวัฒนาการของการคงอยู่มาเป็นล้านปี
ก็คือเป็นสัตว์ตระกูลเลื้อยคลาน
แต่...
ชุมชนชาวใต้โบราณ
ก็คือชุมชนชาวยาวีโบราณ
เขามีกลุ่มชนบางกลุ่มที่มีความเชื่อว่า
เชื้อสายมาจากงูบองหลา
มาจากพญางูใหญ่
เหมือนความเชื่อของชุมชนลุ่มน้ำโขง
ที่มีความเชื่อว่าตัวเองสืบเชื้อสาย
มาจากพญานาค
หรือบูชาพญานาค
.
ชุมชนชาวใต้โบราณมีการใช้ภาษาท้องถิ่น
ที่เรียกว่า "ภาษายาวี"
มีภาษาเป็นของตัวเอง
มีตัวอักษรมาจากการสืบเชื้อสายมาจากอาหรับ
และก็วิวัฒนาการมาเป็นภาษาท้องถิ่น
ตัวหนังสือท้องถิ่น ที่เรียกว่า
ชุมชนชาวยาวีโบราณดั้งเดิม
ชุมชนนี้มีการนับถือบรรพบุรุษ ก็คือ
ผีปู่ย่าตายาย ดั้งเดิม เขามีความเชื่อว่า
ชนกลุ่มหนึ่งเขามีความเชื่อว่า
ตัวเขาเหล่านั้นสืบเชื้อสายมาจากพญางูใหญ่
เพราะฉะนั้น...
การบูชาพญางูใหญ่
เราก็จะเห็นอยู่ตามชาวใต้โบราณ
.
ย้อนกลับมา...
ขอย้อนมาให้ความรู้กับสมาชิก
อีกส่วนหนึ่ง ก็คือว่า
ในความเชื่อของศาสาตร์ไทย
ก็มีจตุโลกบาลทางวิญญาณ ก็คือ
ปู่เจ้่า เจ้าปู่ เจ้าพ่อ
ที่คุมจตุรทิพทย์ทางโลกวิญญาณ
มันก็สอดคล้องกับความเชื่อไทย
ด้วยส่วนหนึ่ง
ซึ่งมาจากการเข้าวัด
หรือวิวัฒนาการความเชื่อเอามารวมกัน
.
ทางใต้...
เขาจะนับถือพญางูใหญ่
(เกิดจากการตกผลึกในตัวอาจารย์แขก
ในการสอบถามกับ
ครูบาอาจารย์ที่อาจารย์แขก
ข้องใจในสมัยอดีต จนอาจารย์แขก
ตกผลึกในความเชื่อของตัวเอง
จากหลักฐานต่าง ๆ จากหลักฐานวิชาคาถา
จากความเชื่อจากการบูชา
หรือแม้กระทั่งขนบธรรมเนียมประเพณี)
.
ไทย...
มีความเชื่อในจตุโลกบาลทางวิญญาณ
ภาคเหนือ...
มีปู่เจ้าคนหนึ่ง ชื่อมหาฤษีชื่อ
"ปู่เจ้าประภัสสร"
คุมจตุโลกบาลทางวิญญาณ
ตะวันออก...
มีปู่เจ้าเขาเขียว (ก็คือพ่อของนางกวัก)
ตะวันตก...
มีพ่อปู่แสงเพชร
ทางใต้...
มีปู่เจ้าทับสมิงคา
อยู่ในรูปลักษณ์ของพญางูใหญ่
จึงมาสอดคล้องกับชุมชนชาวใต้โบราณ
ที่ว่า ตัวเองสืบเชื้อสาย
หรือมีการเคารพนับถือ
ผีบรรพบุรุษ หรือผีปู่ย่าตายาย
ที่มีในรูปลักษณ์ของ "พญางูใหญ่"
.
ในสมัยอดีต พระพุทธศาสนายังไม่รุ่งเรือง
ทางชุมชนชาวใต้ พวกกระเหรียง อีก้อ
ที่มีการนับถือผี
ใต้ก็มีการนับถือผี ก็คือ "ผีบรรพบุรุษ"
เห็นได้ชัด ก็พวก ครูหมอมโนราห์
พวกนี้มีการนับถือผีบรรพบุรุษ
ตกทอดกันมา ก็ยังจะเห็นการทรงมโนราห์
ณ ปัจจุบันก็ยังมีอยู่
เนื่องจากเป็นความเชื่อหยั่งลึก
มาอย่างยาวนาน
ส่วนความเชื่อในการบูชา พญางูใหญ่
ของชาวยาวีโบราณ
จากที่ถามครูบาอาจารย์
ที่สืบทอดกันมาเขาบอกว่ามีมานานมาก
ก็คือมีมาตั้งแต่ที่จับใจความได้ มีมาตั้งแต่
สมัยยุคลังกาสุกะ ก็คือ จังหวัดปัตตานี
ถูกเรียกว่า เมืองลังกาสุกะ
ปกครองโดยนางพญา
ก็คือเจ้าเมืองที่เป็นผู้หญิง
ถูกเรียกว่า "นางพญา"
.
ในสมัยนั้น บรรพบุรุษ
อาจารย์แขกโดยตรง
ทางฝั่งแม่ เขามีความเชื่อกันว่า
โต๊ะหรือทวด ในสมัยอดีต
เป็นผู้หญิงเหมือนกัน
เป็นราชครูให้ทางเจ้าเมือง
ลังกาสุกะในสมัยอดีต
ท่านชื่อ "โต๊ะนิ" คือต้นตำหรับที่สืบทอด
ที่อาจารย์ค้นแบบลึกที่สุด
และยังมีชื่อที่ในตระกูล
สืบเชื้อสายกันไว้
.
"โต๊ะนิ"
ในสมัยอดีต
(จากการเล่าต่อ ๆ กันมาจากที่บ้าน)
เป็นคนที่เป็นราชครู
ให้เจ้าเมืองลังการสุกะในยุคโน้นเลย
ตัวท่านมีความชำนาญช่ำชอง
ในเรื่องคุณไสย อาถรรพ์ มนต์ดำ
ความเหนือธรรมชาติทั้งหมด
ของชุมชนชาวยาวีสมัยก่อน
จะยกย่องท่านมาก
.
ตัวท่านเอง
ท่านมีวิชาอยู่วิชาหนึ่ง
ก็คือ "วิชาพญางูใหญ่"
ที่สืบทอดกันมาในตระกูล
เรียกวิชา "บองหลาไฟ"
.
"บองหลาไฟ"
ก็คือ เป็นพญางูจงอาง
ที่มีลำตัวใหญ่สีแดง คนใต้เรียก
งูจงอาง เรียกว่า "งูบอง"
ยาว หรือ ตัวใหญ่ เรียกว่า "หลา"
สีแดง เรียกว่า "ไฟ"
งูจงอางลำตัวใหญ่สีแดง
ก็เลยเรียกว่ "บองหลาไฟ"
.
และมีชื่อในภาษายาวีว่า "กุลาสะลอบี"
(เป็นภาษายาวีโบราณ)
.
จากตำนานในอดีตบอกไว้ว่า
ที่เล่าสืบทอดในอดีต
ตัวท่าน มี "พยนต์"
งูบองหลาตัวนี้มีพยนต์ที่เหมือนกับ
เป็นพญานาคตระกูลหนึ่งของความเชื่อไทย
ที่เหมือนกับเป็นบรรพบุรุษของท่าน
แล้วมีฤทธิ์มาก
เมื่อไหร่ที่ท่านเดือดร้อน ท่านก็จะอันเชิญ
บองหลาไฟ มาปกปักษ์ พิทักษ์รักษา
เวลามีการบ มีสงคราม ก็เลยทำให้ท่าน
เป็นที่เชื่อถือของนางพญาตานี ในสมัยก่อน
เป็นเรื่องที่สืบทอดกันมาตามต้นตำรา
ความเชื่อของ "บองหลาไฟ"
.
ตัวอาจารย์แขก เข้าไปเกี่ยวพันธ์ยังไง
กับ "บองหลาไฟ"
ต้องเท้าความว่า ในสมัยนั้น
อาจารย์แขกได้ตามแม่ (เป็นคนใต้)
ในสมัยที่อาจารย์แขกเรียนหนังสือ
ได้ตามแม่ไปบ้านโต๊ะ ก็คือ เป็นยายของแม่
ชื่อว่า "โต๊ะบอมอ"
โต๊ะบอมอ เป็นชื่อแบบชาวบ้านเรียก
เป็นครูหมอบ้าน แต่ตัวของโต๊ะบอมอเอง
ท่านสืบเชื้อสายมาอีกที เขาบอกว่าเมื่อสมัยอดีต
คนที่เท้าความถึงได้ ก่อนที่จะมาเป็นโต๊ะมอมอ
แม่ของท่านเป็นราชครูให้เจ้าเมืองรามัน
รามัน เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดยะลา
สมัยก่อนเมืองรามันเป็นเมืองที่ใหญ่
รองลงมาจากเมืองลังกาสุกะ หรือเมืองปัตตานี
เมืองรามันเป็นหัวเมืองเหมือนกัน
.
แม่ของยายเป็นราชครูให้เจ้าเมือง
ในสวานั้นวิชาความรู้ได้สืบทอดมาถึงโต๊ะ
และอาจารย์ได้รับฟังเรื่องนี้มาจากแม่อาจารย์เอง
อาจารย์สนใจและได้ตั้งเป้าไว้ว่าอยากไปเจอโต๊ะ
พอไปถึงแม่ก็พาไปหาโต๊ะบอมอ
(อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)
.
อาจารย์ได้ไปอยู่กับโต๊ะ 2 วัน
โต๊ะพูดไทยได้ ยาวีได้ จีนได้
แต่ส่วนใหญ่ท่านจะพูดยาวี
.
ท่านบอกว่า มีอะไรห้ามออกจามุ้งเด็ดขาด
ไม่ว่าจะเห็นหรือได้ยินอะไร ถ้าแกไม่เรียก
.
ด้วยความอยากรู้ ตามประสาเด็ก
สมัยก่อนบ้านโต๊ะยังใช้ตะเกียงน้ำมัน ไม่มีไฟ
ท่านจะทำกิจวัตรประจำวันทางศาสนาของท่านไป
อาจารย์แขกก็นอนอยู่ในมุ้งปกติ
.
สักพักท่านก็นั่งเอน โยกไปโยกมา
สักพักมีเสียง น้ำดังมาก หล่นลงมาทางภูเขา
ข้างหลังบ้าน จนเป็นเสียงเหมือนรถสิบล้อ
ความรู้สึกมันกระแทก แต่มันไม่มีเสียงเครื่องยนต์
บ้านสั่นทั้งหลัง อาจารย์หันไปดูตะเกียง
มันแกว่งตามแรงสะเทือน
.
โต๊ะพูดภาษายาวีโบราณ ว่า
"ลูกหลานมาอย่าไปทำอะไรให้กลัวนะ"
สักพักประตูก็พับไปพับมา
และมีหัวงูดัน และประตูเปิด
งูตัวใหญ่มาก เข้าประตูมาไม่ได้
เพราะตัวใหญ่มาก
โต๊ะคุยภาษายาวีกับงูตัวนี้
โต๊ะสวดเกือบประมาณครึ่งชั่วโมง
เหมือนพูดกับงู แล้วงูก็เลื้อยออกไป
.
โต๊ะเดินมาที่มุ้งถามว่าเห็นอะไรไหม
อาจารย์พยักหน้า แกก็ยิ้ม ๆ
นั่นแหละเป็นปู่ย่าตายาย เป็นทวด
และให้คาถามาเป็นภาษายาวี
เป็นคาถาที่ยาว แต่อาจารย์แขกจำได้
.
ถ้าเข้าป่ากลัวงู กลัวสัตว์มีพิษ
ให้ท่องไปเลย จะไม่โดนทำร้าย
.
เป็นครั้งแรกที่สืบทอดมาจากโต๊ะบอมอ
.
แต่ความแปลกหลังจากที่ได้คาถามา
ไม่เคยกลัวงูเลย งูถ้าดุยังไงก็แล้วแต่
ถ้าว่าคาถาบทนี้แล้วมองหน้ามัน มันจะหมอบราบลง
เหมือนเราเป็นเจ้านายมัน
.
จนกลับมาบ้านสมุทรปราการ
ทิ้งช่วงไป 3 ปี และกลับไปอีกที
รอบนี้โต๊ะสอน สอนทำฮาซีมัส
แกบอกมีวิชาโบราณของชาวยาวีโบราณ
เครื่องรางค์ เรียกว่า "ฮาซีมัส"
อิสลามเรียนไม่ได้ ทำเรื่องนี้ไม่ได้
เพราะอิสลามยุ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ได้
พระเจ้าไม่อนุญาต ผิดกฏศาสนาอย่างรุนแรง
นี่คือมูลเหตุที่ท่านไม่สอนลูกหลาน
.
ด้วยอาจารย์แขกมีเชื้อสายท่านอยู่
ท่านบอกอย่างอาจารย์แขกไม่ผิดที่จะเรียน
เวลาเขาบอซอ เป็นช่วงที่พระจันทร์อ่อนตัวลง
ถ้าถือได้ให้ถือศีลอด บำเพ็ญเพียรไป วิชาจะแข็งแรงขึ้น
ในปีนั้นไม่ได้วิชาทำบองหลาไฟ
.
ทิ้งช่วงมา 10 ปี
ได้มีเวลาไปหาโต๊ะ
จึงได้วิชาบองหลาไฟ ก่อนท่านเสีย 3 ปี
ท่านบอกว่า มีเวลา 3 ปี จะเอาอะไร ให้ขอเลย
อาจารย์บอกว่าอยากให้อะไรก็ให้มาละกัน
ท่านก็เลย...ให้วิชา "บองหลาไฟ"
.
ตัวท่านเป็นราชครูเจ้าเมืองทางฝั่งเจ้าเมืองกาลันตัน มาเลเซีย
คนเรียกท่านว่า "ดาโต๊ะฮารีเมา" เป็นราชครูให้เจ้า
.
วิชาบองหลาไฟ...
คุณวิเศษของวิชานี้ เป็น "พยนต์" ที่รุนแรงมาก
รุนแรงถึงขั้นว่า ควายธนู วัวธนู ยังแพ้
.
บองหลาไฟ...
มันเป็นวิชาพยนต์ที่ดึงจิตวิญญาณของงู
เข้าไปอยู่ข้างใน
(ก็คือจิตวิญญาณของทวดงู เข้าไปอยู่ข้างใน)
.
ทวดงู หรือบองหลาไฟ นอกจากเป็นพยนต์
ในการป้องกันตัว ยังเป็นพยนต์ที่เฝ้าทรัพย์
พิทักษ์เงิน
.
ตำรานิยายหรือเรื่องเล่าของชาวใต้
ทุกที่ ที่ไหนมีทรัพย์ ที่นั่้นมีงูรักษา
เขามีความเชื่อว่างูเป็นเทพที่เฝ้าทรัพย์สมบัติ
ของชุมชนชาวใต้มาตลอด
แม้กระทั่ง..
สงฆ์ชั้นสูง ของชุมชนชาวใต้
อย่างหลวงปู่ทวด ท่านก็ได้แก้วตาของงูบอง
งูบองหลา มาคายแก้ว
เขาจะผูกพันธ์กับงูบองมาตลอด
ชุมชนโบราณมีเทพพิทักษ์รักษาก็คือ
ปู่เจ้าทับสมิงคา ที่ในความเชื่อของไทย
แต่...
ถ้าเป็นของชาวยาวี ก็กุลาสะลอบี คือบองหลาไฟ
ที่ตัวใหญ่มาก หรือพญางูใหญ่สีแดง
.
การทำไม่ใช่ชาวบ้านใครก็ทำได้
มันต้องมีการสืบเชื้อสายบรรพบุรุษ
มีการเซ่น มีการบวงสรวง
มีการเชิญจิตวิญญาณ ในการที่จะเอา
จิตวิญญาณใส่ลงไปในวัตถุที่เป็นรูปลักษณ์
(เป็นวิชาที่ตกทอดรุ่นสู่รุ่น)
.
วิชานี้เป็นวิชาที่มีความรุนแรงมาก
พระอริยสงฆ์ที่เดินทาง ทางใต้
หลาย ๆ รูปก็จะมีประวัติที่เหมือนกับ
โดนลองด้วยความต่างศาสนา
ชุมชนชาวยาวีโบราณลองส่งคุณไสย
หรือส่งอาถรรพ์โดยการปล่อยงูบองหลาไฟ
.
แต่พยนต์ที่พวกนั้นปล่อย
เป็นวิชาชนิดหนึ่งโดยการเอางูบองเป็น ๆ
เขาจะมีกรรมวิธี คือ เอาไข่งูจงอาง มาโยน
ใส่ในกองไฟ และแม่งูจะมาคาบไข่ในกองไฟ
พอมันเข้าไปมันก็ตาย ก็เอาชื่อว่า งูบองหลาไฟ
แต่มันไม่ใช่วิชาของอาจารย์
.
มีพระรูปหนึ่งมีวิชาบองหลาไฟ อยู่ทางสงขลา
ท่านบอกมีตำราบองหลาไฟ
1 เอาไข่โยนใส่ไฟ
2ไปจับงูมาและมีวิชาปิดปากงู มันจะอ้าปากไม่ได้
ใช้วิชางับปากงู เขียนยันต์ ใส่ในปาก และเอามันไปเผา
ยังไงก็ต้องเอาไปเผา แต่ลักษณะนั้นเป็นการสร้างเวรกรรม
มันสู้วิชาในตระกูลเราไม่ได้
.
วิชาในตระกูลเรารุนแรงกว่าเยอะ
งูที่อาจารย์เห็นตอนเด็ก ๆ
เป็นงูที่อยู่บนภูเขาสามัคคี ข้างบนเป็นเทวลัยของพราหมณ์
งูตัวนี้อยู่บนภูเขารูปนี้ (ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่)
.
โต๊ะบอกว่า....
การทำงูตัวนี้เกิดจากอะไรทั้งหมด ก็เอามวลสารพวกนี้มาทำ
และทำต้องทำยังไง ท่านบอกวิธีการทำมาหมด
และเวลาจะปลุกเสกให้มีชีวิตก็มีวิธีการทำ
.
ไม่เสกพิธีทางพุทธ เป็นวิชาเหมือนหน้าพานบุญ
พานมโนราห์
แต่พานมโนราห์อาจารย์แขกถูกห้าม
คนที่สอนโนรราชทุ่งบัว ทวดสั่้งห้ามว่า
"ไอ้หนู พานบุญแรง เป็นวิชาบรรพบุรุษ
ปู่ย่าตายาย เอาไว้ช่วยคนนะ อย่าไปหาเงิน"
อาจารย์จึงไม่กล้าทำหน้าพานจำหน่าย
.
วิชาพานบุญ คนแรกที่ทำคืออาจารย์แขก
ออกในนามพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ
.
วัตถุมงคลวันนี้เป็นเหมือนบรรพบุรุษ
แต่รูปร่างไม่เหมือนกัน แต่ท่านอนุญาติให้ทำ
.
ครั้งแรก...ที่ได้ที่กาญจนบุรี
อาจารย์ไม่รู้จะเอาอะไรพิทักษ์รักษา
อาจารย์จึงมีความตั้งใจเอาไว้บูชา
ไว้ที่เขามะตูม
โดยเอาเนื้อหามวลสารตามตำราทั้งหมด
ที่โต๊ะสอนปั้นขึ้นมา ปั้นทีละองค์เลย
ทาสีดำทั้งองค์ แต่ด้วยความสวยงามเกล็ดเป็นสีแดง
ให้เหมือนตำราโบราณ ลายข้างล่างเป็นลายผ้า
ของพวกยาวีโบราณ
มีก้อนเงินก้อนทอง มีไข่
เพื่อดูแลรักษาเราดูแลรักษาทรัพย์
ทำอันใหญ่ขึ้นมามีหลายคนถาม
ไม่มีองค์เล็ก ๆ ให้พกหรือ
.
อาจารย์แขกถามไปอีกที ท่านบอกจะทำก็ทำ
ท่านไม่ว่า แต่มีข้อแม้ว่าให้ทำจำนวน
เท่าที่ออกรอบนี้ ถ้ารอบนี้หมด จะไม่ให้ทำ
.
บองหลาไฟ ของอาจารย์จะมีรุนเดียว
.
บองหลาไฟ...
พกสูง พกต่ำได้
ตัวเล็ก ๆ ไว้ที่บ้านได้
พิทักษ์ทรัพย์ ไว้ในเก๊ะได้
ป้องกันภัย
ถ้าฝั่งตรงข้ามปล่อยคุณไสย
ฝั่งตรงข้ามถึงตาย
.
ไม่ว่าจะเป็นวัวธนู ความธนู หรือพยนต์
ไม่มีการชนะบองหลาไฟได้รับประกัน
.
คนที่เบี้ยวตังค์เรา เอาไปวางทับชื่อ
มันจะร้อนรงจนอยู่ไม่ได้
.
ที่สำคัญ...
เป็นพยนต์ ที่พกติดตัว
และกันเรื่องร้ายได้ต่าง ๆ
คนเล่นภูติผีปีศาจ กุมารทอง
รับประกัน บองหลาไฟ เอาอยู่
.
เจิมหยางลงไป
เพราะว่าจะได้เสริมพลังงานดาวไฟ
เพื่อไปใช้ในการเสริมดวง แก้ดวงได้
.
เป็นเนื้อนวโลหะมหาชนวน
เนื้อเดียวกับขุนช้าง
เอาเนื้อดีที่สุดมาทำ
ทำให้กลวง เพื่อความคงทน
เอาผงที่ทำเนื้อว่านเนื้อผงอุดเข้าไป
.
ถ้ามีสวน แล้วเอาบองหลาไฟไปบูชา
จะเรียกบริวารมาไหม
มักจะมา หรือบอกเขาว่าเราไม่ชอบ
แต่คนที่เข้ามาจะขโมย จะเห็นงูเยอะ
.
ดียังไง...
คนเกิดปีมะเส็งควรพก
คนที่ต้องการธาตุไฟ
แต่คนไม่ชอบไฟพกได้
.
ข้อดี ของบองหลาไฟ
เป็นวิชาที่สาบสูญไปแล้ว
.
ไม่มีคาถา
(แต่ถ้าเป็นตัวใหญ่ ต้องมีคาถาบูชา)
.
แต่ที่เห็นสมัยตอนอยู่รือเสาะ
ใครจะทำอะไรจะไปตั้งศาลเพียงตาบอก
จะซื้อบ้านจะแต่งงาน จะทำอะไรก็บอกให้ท่านช่วย
.
วัวหาย ขึ้นไปภูเขาหาไม่เจอ ก็ไปบวงศรวง
วัวก็เดินกลับมา
เด็กขึ้นเขาหาย ไปบวงศรวงบอก
เด็กบอกว่ามีงูแผ่แม่เบี้ย เหมือนบอกทาง
เดินกลับมาบ้านได้
.
ถ้าแถบรือเสาะ ทำอะไรไม่ได้
ก็จะขอ บอกกล่าว
.
องค์ละ 2,000 บาท
แบบเลี่ยม 2,200 บาท
แบบเลี่ยมแถมแหนบห้อยพระให้ด้วยค่ะ
.
.
.
ถอดเทปวัตถุมงคลท่านอาจารย์แขก
เพื่อสมาชิก “ง่าย” ต่อการทำความเข้าใจ
โดย “คุณโน้ตมีตังค์สงขลาค่ะ”
.
รับฟังท่านอาจารย์แขกมันตระสยามได้ทางช่องยูทูป
คลิ๊ก >> https://1th.me/PpbwU
พิมพ์วัตถุมงคล
ที่ท่านสนใจรับฟังได้ในช่องค้นหาได้ค่ะ
.
เพจร้าน : มันตระสยามหาดใหญ่
www.facebook.com/muntrasiamhatyai
วัตถุมงคล อ.แขก มันตระสยาม
สั่งบูชาวัตถุมงคลแอดไลน์ได้เลยค่ะ
Line ID : @muntrasiamhatyai
หรือคลิ๊ก >> https://lin.ee/LtLBkl
โน้ตยินดีให้บริการคะ
089-4620910
.
สาระความรู้ทุกศาสตร์วิชา
ของท่านอาจารย์แขก มันตระสยาม
คู่มือการใช้วัตถุมงคลและความรู้อีกมากมาย
รวบรวมไว้ให้กับสมาชิกแล้วที่..
กลุ่มมันตระสยามหาดใหญ่
คลิ๊ก >> https://www.facebook.com/groups/muntrasiamhatyai
ยินดีต้อนรับค่ะ
ดูแลโดยโน้ตมีตังค์สงขลาค่ะ
.
#มันตระสยามหาดใหญ่
#อาจารย์แขกมันตระสยาม
#วัตถุมงคลอาจารย์แขก
#เหมาซานอาจารย์แขก
#บองหลาไฟ