พระศิวะนาฏราช
.
พระศิวะนาฏราช คือปางกำลังร่ายรำ
มีความสุข สนุกสนาน ก่อสร้างพลังงาน
การเกิดใหม่ ไร้ซึ่งความทุกข์
และชนะทุกสรรพสิ่ง
เพราะฉะนั้นในเชิงรูปลักษณ์มันฟ้อง
ในตัวมันเองอยู่แล้วในเรื่องของวัตถุมงคล
.
พระศิวะนาฏราช
.
องค์พระศิวะ ถือเป็นมหาเทพ
ที่สร้างโลกใบนี้ให้เกิดขึ้น
หรือนับว่าเป็นผู้ที่ทำการสร้างโลกใบนี้เลยก็ได้
ตามคัมภีร์รามายณะของพราหมณ์
.
พระศิวะในเชิงไศวะนิกาย
หรือในเชิงการเคารพบูชา
ในศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไศวะนิกาย คือ ลัทธิที่
บูชาพระศิวะ เป็นลัทธิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็น
ลัทธิที่เก่าแก่ที่สุดของศาสนาพราหมณ์
ศาสนาพราหมณ์ได้บอกไว้ว่า
“พระศิวะคือผู้ที่ทำการสร้างโลก”
ปางหนึ่งแห่งการเกิดขึ้นของโลกที่เราได้เห็น
ในการเคารพบูชา ก็คือ “ปางพระศิวะนาฏราช”
หรือ “พระศิวะกำลังร่ายรำบำ”
.
พระศิวะปางนี้ของศาสนาพราหมณ์ถือเป็น
ปางพระศิวะ ที่หมายถึง “การก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง”
ก็คือพระศิวะที่ทำการตั้งโลก โดยการร่ายรำ
เรียกว่า “พระศิวะนาฏราช หรือพระศิวะร่ายรำ”
.
พระศิวะที่ทำการร่ายรำอยู่
มือข้างขวาถือกลองหรือบันเฑาะว์
มือข้างซ้ายถือลูกไฟ หรือถือเปลวไฟ
ที่ทำการเผาไหม้ทุกสรรพสิ่งให้กลับเข้าไปสู่
การเริ่มต้นครั้งที่ 1
.
ในปางนี้ได้บอกไว้เชิงรูปลักษณ์พลังงาน
เอาไว้ว่า “เป็นการสร้างรูปลักษณ์พลังงาน
หรือการสร้างสนามแม่เหล็กโลก
ในเชิงปัจจุบันที่เรารู้จัก”
.
เส้นดาว 6 แฉก ที่เกิดขึ้นในขณะที่พระศิวะร่ายรำ
และการย้ายมือพร้อมกับการเต้นของพระศิวะ
นำมาซึ่งเส้นพลังงานหลาย ๆ แฉก หรือ
หลาย ๆ รูปลัษณ์ เปรียบเสมือนเป็นพลังงาน
เส้นแรก พลังงานเหล่านี้แหละถูกนำมาสร้าง
เทวสถาน เทวลัย หรือรูปลักษณ์ในการบูชา
ความศักดิ์สิทธิ์ รูปลักษณ์ในการบูชาพลังงาน
ในแต่ละองค์ แต่ละเทพในศาสนาพราหมณ์
ศาสนาฮินดู ที่เรารู้จัก ณ ปัจจุบันนี้
.
ในการที่พระศิวะร่ายรำ หรือพระศิวะนาฏราช
เปรียบเสมือนเป็นการ “พลังงานก่อเกิด”
พลังงานทุกสรรพสิ่งในโลก
คือรูปลักษณ์แรก คือรูปที่พระศิวะทำการร่ายรำ
(อันนี้เป็นเรื่องถูกต้องและชัดเจน)
.
ในคัมภีร์ไศวะนิกายของศาสนาพราหมณ์
ได้ทำการบูชาพระศิวะในหลากหลายรูปแบบ
ไม่ว่าบูชาโดยใช้คำบูชา หรือบูชาโดยคำ
สรรญเสริญเยินยอ หรือแม้กระทั่งทำการ
บวงสรวงบูชายันต์แห่งพระศิวะ
.
พระศิวะได้ถูกนำมาเป็นรูปลักษณ์
แห่งการ “ก่อเกิด” ที่เรารู้จัก
คือ “ศิวลึงค์” หากในโลกเรา
ขาดซึ่งเพศชาย สรรพสิ่งในโลก
ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นมาไม่ได้
.
พระศิวะจึงเป็นตัวแทนแห่งพลังงาน “ด้านสว่าง”
หรือเป็นตัวแทนแห่งพลังงาน “ด้านหยาง”
เหมือนกับศาสนาต่าง ๆ ทุกศาสนา
.
ในพื้นที่ภูมิประเทศของประเทศไทย
ก็เป็นสถานที่ ที่ศาสนาไศวะนิกาย
เผยแพร่ และยังเป็นจุดรุ่งเรือง เฟื่องฟู
ในยุคหนึ่งด้วย ก็คือยุคศตวรรษที่ 15
ก็คือในยุค “ขอม” เรืองอำนาจ
.
เทวลัยหรือเทวสถานที่เป็นที่บูชาพระศิวะ
ที่ขึ้นชื่อระดับโลกเป็นความโชคดีที่อยู่
จังหวัดหนึ่งของประเทศไทย ที่ “บุรีรัมย์”
คือ “ปราสาทหินพนมรุ้ง”
สร้างขึ้นมาศตวรรษที่ 15
.
“พนมรุ้ง” เป็นคำที่เพี้ยนมาในภายหลัง
จริง ๆ แล้วปราสาทนี้ มีศิลาจารึก
เรียกว่า “วะนังลุง” เป็นภาษาเขมรโบราณ
ที่แปลว่า “ภูเขาใหญ่” จะสอดคล้องกับการ
ตั้งอยู่ของปราสาทหินพนมรุ้ง
.
ถามว่า : อะไรเป็นจุดชี้วัดยืนยันว่าสถานที่นี้เป็นที่
บูชาแห่งพระศิวะ
อาจารย์แขก : เราจะเห็นว่าในคัมภีร์รามายณะของพราหมณ์
ได้บอกไว้ว่าพระศิวะเป็นผู้ก่อเกิดทุกสรรพสิ่งในโลก
.
ในปฏิทินสุริยคติ ปฏิทินแรกในสมัยอดีต
(ปฏิทินที่ไว้ดูพระอาทิตย์)
ซึ่งมีความเที่ยงตรงสูงมาก
(แต่ปัจจุบันเรามาใช้การดูปฏิทินจันทรคติ
เพื่อง่ายแก่การดู)
.
ปราสาทหินพนมรุ้ง ถือว่าเป็น
“ช่วงเวลาแรก” แห่งการรับอรุณ
ประจำปีของทุกปี
หลาย ๆ คนจะได้ยินและได้เห็นว่า
ในช่วงของเดือนเมษาในทุกปี
พระอาทิตย์จะรอดผ่านตรงกันทุกประตู
(แต่วันและเวลาทุกคนจะไม่ค่อยรู้ว่าอยูช่วง
วันเวลาไหน วันที่ประมาณเท่าไหร่)
.
ด้วยปราสาทนี้สร้างโดยภูมิปัญญา
ของคนที่มีความรู้ในเรื่องดาราศาสตร์
แบบยิ่งยวดมากในสมัยอดีต
.
ปราสาทหินพนมรุ้งในช่วง
ของวันที่ 2 และ 4 เมษายนของทุกปี
(ไม่เกินนี้)
พระอาทิตย์จะขึ้นตรงกันทุกประตู
ประตูที่พระอาทิตย์ลอดตรงกัน
มีทั้งหมด 15 ประตู
.
15 ประตู เปรียบเสมือนกับเป็น
“มิติของเทวลัย”
ที่เพศชาย ให้พลังงานเพศหญิง
(หลายคนไม่เคยรู้)
.
ทำไมถึงต้อง 15 ประตู
เพราะ 15 ประตู เป็นการก่อเกิด
พลังงานของพลังหยาง หรือเพศชาย
เข้าสู่พลังงานหยิน หรือเพศหญิง
ที่อย่างถูกต้องโดยสมบูรณ์
.
เราจะเห็นว่าวงรอบของพระจันทร์
คือ 15 วัน มันไม่ได้มาโดยบังเอิญ
.
แต่ใครจะรู้บ้างว่า ยังมีอีก 1 วัน ในรอบ 1 ปี
ที่ “พระอาทิตย์” ขึ้นตรงทุกประตูเหมือนกัน
ในช่วงกลาง ๆ ปี ในช่วงของ
วันที่ 8 ถึง10 ของเดือนกันยา
ที่พระอาทิตย์จะขึ้นตรงกัน
.
เพราะฉะนั้นที่ปราสาทนี้
พระอาทิตย์จะขึ้นตรงกัน
อยู่ 2 ช่วงเวลา ก็คือ
ช่วงเวลาของเดือนเมษา กับ เดือนกันยา
(พระอาทิตย์จะขึ้นลอดผ่านในระนาบเดียวกัน)
.
ในช่วงวันเวลาดังกล่าว สมัยอดีตชนชั้นสูง
ในระบบกษัตริย์ก็จะทำการรับอรุณ
โดยอรุณที่แรกเริ่มขึ้นมาจะผ่าน
แห่งองค์ศิวะลึงค์ ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งพระศิวะ
.
นี่ไง นี่ไง ความสำคัญอยู่ตรงนี้….
.
พระอาทิตย์จะขึ้นผ่านศิวะลึงค์ เปรียบเสมือนว่า
เราได้รับคำอวยพรแห่งการก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง
.
ในวันที่เป็นมหาแห่งการเปลี่ยนปีของระบบสุริยคติ
โดยผ่านพระศิวะเป็นผู้ประทานพร สร้างทุกสรรพสิ่ง
ในโลกขึ้นมา
.
เราจะเห็นว่าตรงนี้เป็นจุดสำคัญมากที่เราควรศึกษา
ถ้าเราเป็นผู้หนึ่งที่หวังพลังงานของธรรมชาติ
ให้มาส่งเสริมและก่อเกิดตัวเรา
.
ส่วนช่วงเวลาของวันที่ 8 และ 10 กันยา
ก็เป็นช่วงอีกเวลาหนึ่งที่พระอาทิตย์ส่งผล
ผ่านแห่งองค์พระศิวะ ลอดครบ 15 ประตู
เปรียบเสมือนกับเป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนฤดูกาล
ที่จะเข้าสู่พลังงาน ครึ่งหนึ่ง หรือกึ่งหนึ่งของปี
.
แต่ใครจะทราบบ้างว่า….
ปราสาทหินพนมรุ้งยังมีช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกด้วย
ที่ตรงกันทั้ง 15 ประตู ก็คือในช่วงเวลา
ของ วันที่ 5 ถึง 7 มีนาคม ของทุกปี
.
เวลาเย็นพระอาทิตย์จะตกตรงกัน
ทุก 15 ประตู ก็เปรียบเสมือนกับเป็นการ
ก่อเกิดพลังงานสิ่งมีชีวิตโดยสมบูรณ์
.
และที่น่าแปลกใจมากกว่านั้น
ภูมิปัญญาของคนโบราณ คือ
ในขณะที่พระอาทิตย์ขึ้น มี 2 ช่วงเวลา
แน่นอน เวลาพระอาทิตย์ตก ก็มี 2 ช่วงเวลา
แต่ช่วงเวลาตก แม่นยำมาก
.
แม่นยำคือในตอนขึ้น เขาจะลงท้ายด้วย “ยน”
ยน คือ มี 30 วัน คือ เมษายน กับ กันยายน
.
ช่วงเวลาตกเขาจะลงท้ายด้วย “คม”
คม คือ มี 31 วัน คือ มีนาคม กับ ตุลาคม
ของวันที่ 5 ถึง 7 เดือนตุลาคม ที่มี 31 วัน
.
สรรพสิ่งในโลก ภูมิปัญญาของคนโบราณ
เขาจะบอกว่า
“ยามดวงเราขึ้น มันมีโอกาสน้อย
แต่ยามดวงเราตก มันมีโอกาสมากกว่า”
.
เขาสอนเป็นอภิมหาปรัชญาไว้
“ยามเราขึ้นมีเวลาแค่ 30 วัน
ยามเราตก โอกาสที่เราจะตก
มีมากกว่ายามที่เราจะขึ้น”
.
การที่เราจะมีได้ เราใช้ความเพียรอย่างมาก
สร้างจังหวะและโอกาสขึ้นมา ใช้ความเพียร
อย่างเต็มที่ ใช้ความเพียรนานมาก กว่าที่
เราจะประสบความสำเร็จ แต่เราสามารถ
ล้มเหลวได้เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
.
เหตุผลก็คือ…
ช่วงของเวลาตก มันมีมากกว่า ช่วงของเวลาขึ้น
.
นี่คือที่มาของพลังงานแห่งรูปลักษณ์
ขององค์พระศิวะนาฏราช
.
พระศิวะปางนี้ เป็นปางที่น้อยคนมาก
จะบูชาเพราะไม่เข้าใจในเชิงรูปลักษณ์
แห่งองค์พระศิวะนาฏราช
.
พลังงานปีนี้ ก่อเกิดทุกสรรพสิ่งได้ยากมาก
อาจารย์แขก พกเทพแห่งการก่อติดตัวเอาไว้
ก็คือ “ศิวะลึงค์” เป็นตัวแทนแห่งพระศิวะ
(ตอนนั้นอาจารย์ยังไม่ได้สร้างพระศิวะนาฏราช)
.
อาจารย์แขกได้สร้าง “พระศิวะนาฏราช”
ตั้งแต่ปีที่แล้ว และทำการปลุกเสกมาเรื่อย ๆ
หลาย ๆ พิธี พร้อมกับตอกเลข และโค้ดกำกับ
สร้างมาในปางของ “พระศิวะนาฏราช”
หมายถึง เทพแห่งการก่อเกิด
ทุกสรรพสิ่งในโลก
.
พระศิวะปางนาฏราช สร้างโดย
เนื้อนวะโลหะมหาชนวนขุนช้างเพียว ๆ
โดยไม่ผสมเนื้อใหม่ลงไปเลย
เนื้อที่ทำการหล่อขุนช้างยังไง
เนื้อที่ทำการหล่อพระศิวะนาฏราชนี้
เนื้อเดียวกัน
.
เพราะฉะนั้นบอกเป็นคีร์เวิร์ดกว้าง ๆ ไว้
“คุณถ้าพลาดขุนช้าง เนื้อนวะโลหะแล้ว
คุณก็อย่าให้พลาด พระศิวะนาฏราช
เนื้อนวะโลหะมหาชนวน ซึ่งเป็นเนื้อเดียวกับ
ขุนช้างเนื้อนวะโลหะมหาชนวน ทุกประการ
.
พระศิวะนาฏราช ดียังไง
พระศิวะนาฏราช คือปางกำลังร่ายรำ
มีความสุข สนุกสนาน ก่อสร้างพลังงาน
การเกิดใหม่ ไร้ซึ่งความทุกข์ และชนะ
ทุกสรรพสิ่ง
เพราะฉะนั้นในเชิงรูปลักษณ์มันฟ้อง
ในตัวมันเองอยู่แล้วในเรื่องของวัตถุมงคล
.
เนื้อมหาชนวนมวลสารสุดติ่งที่สุด
ของอาจารย์แขก ก็คือ เนื้อนวะโลหะมหาชนวน
ที่ทำขุนช้าง เนื้อขุนช้างส่องแล้วเป็นยังไง
เนื้อพระศิวะนาฏราชส่องแล้วเป็นอย่างนั้น
.
อาจารย์สร้างมาน้อยมากกว่าขุนช้าง ครึ่งหนึ่ง
เพราะฉะนั้นจังหวะและโอกาสเป็นของคุณแล้ว
.
ใครที่พลาดขุนช้างเนื้อนวะโลหะมหาชนวน
คุณไม่ควรพลาด….
พระศิวะปางนาฏราช องค์นี้
.
บูชา 1,000 บาท
แบบเลี่ยม 1,200 บาท
แถมแหนบห้อยพระให้ด้วยค่ะ
.
.
.
ถอดเทปวัตถุมงคลท่านอาจารย์แขก
เพื่อสมาชิก “ง่าย” ต่อการทำความเข้าใจ
โดย “คุณโน้ตมีตังค์สงขลาค่ะ”
.
รับฟังท่านอาจารย์แขกมันตระสยามได้ทางช่องยูทูป
คลิ๊ก >> https://1th.me/PpbwU
พิมพ์วัตถุมงคล
ที่ท่านสนใจรับฟังได้ในช่องค้นหาได้ค่ะ
.
เพจร้าน : มันตระสยามหาดใหญ่
www.facebook.com/muntrasiamhatyai
วัตถุมงคล อ.แขก มันตระสยาม
สั่งบูชาวัตถุมงคลแอดไลน์ได้เลยค่ะ
Line ID : @muntrasiamhatyai
หรือคลิ๊ก >> https://lin.ee/LtLBkl
โน้ตยินดีให้บริการคะ
089-4620910
.
สาระความรู้ทุกศาสตร์วิชา
ของท่านอาจารย์แขก มันตระสยาม
คู่มือการใช้วัตถุมงคลและความรู้อีกมากมาย
รวบรวมไว้ให้กับสมาชิกแล้วที่..
กลุ่มมันตระสยามหาดใหญ่
คลิ๊ก >> https://www.facebook.com/groups/muntrasiamhatyai
ยินดีต้อนรับค่ะ
ดูแลโดยโน้ตมีตังค์สงขลาค่ะ
.
#มันตระสยามหาดใหญ่
#อาจารย์แขกมันตระสยาม
#วัตถุมงคลอาจารย์แขก
#เหมาซานอาจารย์แขก
#พระศิวะนาฏราช