| ในความรู้สึกหรือความเชื่อของคนเรา หากได้ยินคำว่า..นางตานี แน่นอนจะต้องเข้าใจว่าเป็น “ผี” ในต้นกล้วยตานี บ้างก็ว่าเป็นนางไม้ที่สิงในต้นกล้วยตานี ซึ่งเป็นความเชื่อที่ปลูกฝังกันมานาน เป็นเหตุให้คนทั่วไปจึงไม่ค่อยนิยมปลูกกล้วยตานี จริง ๆ แล้วนางตานีเป็นอะไรกันแน่? …จริงๆ แล้วเรียกกันว่าพรายตานีเป็นผู้หญิง ซึ่งเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ ได้สร้างกุศลคือกรรมดี แต่ด้วยวิบากกรรรมที่เคยทำไว้ มันก็จึงได้รับเศษเสี้ยวของอานิสงค์แห่งวิบากกรรม หากเขาไม่ตายแบบผิดปกติ เขาจะต้องไปเกิดเป็นเทพแต่ยังไม่ถึงนิพพาน จึงต้องไปอยู่ในภพภูมิๆ หนึ่ง เรียกตัวเองว่า “พราย” “พราย” ไม่ใช่ทั้งผีและก็ไม่ใช่เทวดา มีจิตเป็นทิพย์เป็นวิญญาณในภพภูมิ 500 ปีมนุษย์ การที่เราจะใช้พราย เราจะต้องดูว่าเขาหมดกรรมจากการเป็นมนุษย์เมื่อไหร่ ถ้าเราหมดลมภายใจไป 470 ปี เหลืออีก 30 ปีเขาก็ไม่เอากัน อย่างน้อยต้องมีภพภูมิไม่ต่ำกว่า 100 ปีถึงจะเอามาทำ พรายตานีที่ทำขึ้นมานี้ เป็นของหลวงปู่แตง วัดอ่างศิลา (อาจารย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย) คนที่ได้ของนี้มา คือ จมื่นเจรักษาราษฏร์ คือ เป็นทวด เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่แตง เรียนวิชาคู่กับหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ท่านจึงได้วิชาสายพรายมา พรายตานีเป็นวิชาที่แทบจะสาบสูญ เพราะมันเป็นวิชาที่สามารถให้คุณให้โทษได้ แล้วคนเอาไปใช้ จึงเป็นของที่เขาปิดงำเป็นความลับ ไม่ใครนำเรื่องราวของพรายตานีมาพูดอย่างถูกต้องเลย ด้วยความที่เขาเป็นพราย และเขามีวิบากกรรม มีทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม คือ มีทั้งดีและไม่ดีในตัวเขา เขาจึงเป็นคนประเภท 2 อารมณ์ การที่เราจะได้เขามา เราจะต้องมีบุญสัมพันธ์กับเขา เราจะต้องเป็นคนที่เขาเห็นว่า สามารถสร้างบุญสร้างกุศลได้เขาจึงจะมา พรายตานีไม่ใช่เทพและก็ไม่ใช่ผี เป็นกึ่งอสูรเหมือนราหู มีฤทธิ์มาก ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนตายแล้วจะไปเป็นพรายตานี จะต้องเป็นคนมีกุศลกรรมดีมากๆ แต่โดยเศษเสี้ยวของวิบากกรรม เลยทำให้ตายไม่ดี พรายตานีจริงๆ แล้วคือผู้หญิงที่ตายทั้งกลมจมน้ำตาย พอตายไปก็ไปสิงสู่ในภพภูมิของภูตที่เรียกว่าพราย เขาจะต้องมีเรือนอยู่ เขาเลือกอยู่ต้นกล้วยตานี เหตุผลคือต้นกล้วยตานีมีอายุแค่ 8 เดือน เท่ากับว่าเขามีเวลาอยู่โลกมนุษย์แค่ 8 เดือน มันจะเป็นภพภูมิอายุแบบสั้นๆ การที่เราจะได้พรายตานีได้นั้น จะต้องได้จากผู้หญิงตายทั้งกลมจมน้ำตาย วิญญาณเขาไปสิงในต้นกล้วยตานี นี่คือของจริงมันจะต้องเป็นแบบนี้ นี่คือความรู้ของหลวงปู่แตง วัดอ่างศิลา หากเราจะเจอต้นกล้วยตานี เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีพรายหรือไม่มีพราย วิธีการดูต้นกล้วยที่มีพรายตานี จะต้องเป็นต้นกล้วยตานีแดง กาบแดง กาบลำต้นแดง กาบใบแดง แล้วก็ออกปลีข้างต้น ปลีกล้วยต้องเป็นสีแดงด้วย หากเราเจอแบบนี้ก็ให้รู้ไว้เลยว่า เป็นที่สิงสถิตของนางพรายตานี ก็ต้องเป็นคนมีวิชาจึงจะรู้ว่ามีหรือไม่มีนางพรายตานี หากว่าเรามั่นใจว่ากล้วยต้นนี้มีนางพรายตานี เราก็เอาด้ายสายสิญจน์ที่ผ่านการจูงศพ ด้ายแบบนี้สามารถบังคับวิญญาณได้ ในหลักความเชื่อของไสยศาสตร์ ในวิชาสายพราย เมื่อด้ายจูงศพมาแล้ว ก็จะเอาไปล้อมที่ต้นกล้วยตานี 3 ชั้น เรากับนางตานีต้องอยู่ด้วยกัน ซึ่งเขาจะมีคาถาเป็นโองการเชิญนางตานี เราต้องว่าคาถาเชิญนางตานีออกมา พอเราเห็นนางตานีออกมาจากต้นกล้วย เราก็ต้องว่าคาถาเมตตามหานิยม เพื่อจีบนางตานี ให้นางตานีเกิดความรักความหลงในตัวเรา ในสมัยโบราณมีมนต์อยู่บทหนึ่ง คือ มนต์จินดา (ใช้เป่าผีโดยตรง ทำให้ผีรักผีเมตตา ผีหลง ผีสงสาร) นางตานีจะเกิดความรัก ความเมตตา สงสาร พอได้จังหวะเขาจะเอาชอล์กปัฐมังโลกียะ เขียนยันต์บนปลีกล้วย บังคับนางตานี เมื่อนางพรายตานีหลงรักแล้ว เขาก็จะว่าคาถาตัดปลีกล้วยออกมา แล้วเอาปลีกล้วยมานึ่ง เพื่อที่จะบดเป็นผง วิญญาณนางตานีก็จะมาอยู่ในปลีกล้วย จากนั้นให้เอาปลีกล้วยมาลงยันต์ นำไปนึ่งไฟ เพื่อจะบดเป็นผง เป็นชนวนมวลสาร ในการทำน้ำมันพรายนางตานี จากนั้นเราเอาเหล็กแหลมแทงที่ต้นกล้วย ยางกล้วยก็จะออกมาเป็น สีแดง รองยางกล้วยมาเคี่ยวทำน้ำมัน ผสมกับปลีกล้วยที่เราได้มา ก็จะสำเร็จเป็นน้ำมันพรายนางตานี กรรมวิธีการเสกเราต้องเสกในวันพระ ขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกันทั้ง 8 วัน (รวมวันพุธกลางคืนด้วย) กวนให้ได้ 8 ครั้ง มีเคล็ดเราต้องทำสำเร็จในอายุเรา มันเป็นเรื่องที่ยากมาก สีผึ้งนางตานีแดง ทำมาจากหัวเชื้อน้ำมันพรายตานี เราต้องไปหาขี้ผึ้งนางมัทรี คือ นางทั้ง 5 คือ นางรับ (แบบมือ) นางกอด (เมตตา) นางตะวัน (ห้ามสิ่งที่ไม่ดี) นางหาบ (ค้าขาย) นางใต้ดิน (มหาอุด) เมื่อได้ขี้ผึ้งจากรังผึ้งหลวง เราต้องเอามาสกัดเป็นขี้ผึ้ง เพื่อมาปั้นเป็นเทียน ในเทียนจะลงยันต์ปัฐมัง ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน แก้วทั้ง 3 ดวง เกิดมีปัญญาเข้าสู่นิพพาน เอาเทียนไปถวายหน้ากัณฑ์เทศน์มหาชาติ กัณฑ์มัทรี กัณฑ์ชูชกขอ 2 กุมาร (เทศน์มหาชาติตอนนี้ว่าด้วยการรักสามี) เป็นเคล็ดเรื่องเมตตามหานิยม จากนั้นเอาขี้ผึ้งที่ผ่านการจุดเทียน มาใช้สำหรับเคี่ยวสีผึ้ง ผสมกับน้ำมันนางตานีแดง และยังใส่ของที่ระบุไว้ในตำราอีกหลายอย่าง เช่น น้ำมันปลาพยูน น้ำมันมะพร้าวตูหัน น้ำมันนกในรังโพลง น้ำมันนกสาลิกา น้ำมันเถาวัลย์ผูก น้ำมันว่านเสน่ห์จันทร์ทั้ง 5 น้ำมันว่านจันทร์ทั้ง 5 ฯลฯ ผสมรวมกันแล้วเคี่ยวเป็นสีผึ้ง สีผึ้งก็ต้องเคี่ยวในวันพระ 15 ค่ำ ให้ได้ 7 วัน รวมวันสุดท้ายที่เกิดสุริยคลาส วันพุธ (กลางคืน) วันราหูที่เกิดสุริคลาส ซึ่งถือว่าสมบูรณ์แบบ สิ่งที่แปลกในขณะที่กวนก็คือ หากเรากวนสีผึ้ง ฝนจะต้องตกลงมาในกระทะ เพราะต้องมีโองการเชิญเทวดาทั้งหมดมาร่วมในพิธี รวมทั้งต้องมีฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ซึ่งตอนกวนสีผึ้งก็เกิดเหตุการณ์นี้จริงๆ การนำเอาไปใช้ หากเป็นสีผึ้งไม่ต้องแต้ม ให้พกติดตัวเฉยๆ เรื่องเงินทอง โชคลาภ เสน่ห์เมตตามหานิยม มันเป็นที่สุดการเลี้ยงภูต เลี้ยงพราย เขาไม่ให้โทษ เพราะเราได้เสกบังคับ กำกับไว้เรียบร้อย คือ เสกยกดวงจิตขึ้นไปแล้ว การพกสีผึ้งดีติดตัวยังไง คือ ดีเรื่องโชคลาภ เห็นชัดมาก เรื่องเมตตามหานิยม เห็นชัดมาก โดยที่เราไม่ต้องไปแต้มตรงไหนเลย ส่วนน้ำมันพรายนางตานี ขอแนะนำว่าทุกคนควรจะมี เพราะเป็นของที่สร้างมาก มันใช้เวลาในการสร้าง 120 ปี ดังนั้นพรายตานีก็จะอยู่บนโลกอีก 380 ปี อีกหลายชั่วอายุคน ใครที่มีไว้บูชาจะได้ความเป็นมงคลสูงสุด ของวิชาสายภูติ บูรพาจารย์โบราณกล่าวว่า “ใครที่ภูตติดตัวคนนั้นมักรวย” สิ่งที่เรามองเห็นได้ชักก็คือ นี้ใครที่แขวนขุนแผน ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ส่วนใหญ่มักเป็นคนมีเงินทอง มีโชคมีลาภ แต่พรายกุมารของหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ความรุนแรงเทียบกันไม่ได้เลยกับพรายนางตานี ใครที่มีไว้บูชาก็จะเป็นที่สุด! |
| หน้าที่เข้าชม | 246,119 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 165,990 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 17 ม.ค. 2560 |
| ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |